วะดาอิอ์ อัลอิมามะฮ์

จาก wikishia

วะดาอิอ์ อัลอิมามะฮ์ (ภาษาอาหรับ: ودائع الإمامة) หมายถึง ทรัพย์สินของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) อิมามอะลี (อ.) และท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) อยู่ในการครอบครองของบรรดาอิมามของชีอะฮ์ และถือเป็นหลักเกณฑ์สำหรับการรู้จักอิมาม ดาบและแหวนของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ไม้เท้าของศาสดามูซา แหวนของศาสดาสุลัยมาน และหนังสือมุศฮัฟของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ญัฟร์และญามิอะฮ์

บรรดาอิมามของชีอะฮ์ เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับเหล่าผู้แอบอ้างในการเป็นอิมามะฮ์ ได้ยกหลักฐานจากวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ เป็นการยืนยันและการขจัดข้อสงสัยของชาวชีอะฮ์ในการรู้จักอิมาม

ความหมายและสถานภาพ

ความหมายของวะดาอิอ์ คือ ทรัพย์สินที่พิเศษต่างๆ เช่น ดาบ แหวน และหนังสือต่างๆ ซึ่งอิมามคนหนึ่งได้มอบให้แก่อิมามอีกคนหนึ่ง และถือเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นอิมามะฮ์ของเขา อีกด้วย นอกเหนือจากคำสั่งเสียของอิมามคนก่อนแล้ว ยังถือเป็นหลักเกณฑ์ที่สำคัญสำหรับการกำหนดอิมามคนต่อไปอีกด้วย (1) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการพิสูจน์สถานภาพของอิมามัต โดยผ่านคำสั่งเสียในสภาพของการตะกียะฮ์ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (2.) ด้วยเหตุนี้เอง วะดาอิอ์ อัลอิมามะฮ์ จึงถือเป็นการเน้นย้ำเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยในการกำหนดตัวตนของอิมามอีกต่อไป (3)

ตัวอย่างต่างๆ

ในริวายะฮ์ต่างๆที่รายงานจากแหล่งอ้างอิงของชีอะฮ์ มีหลายกรณีที่เป็นส่วนหนึ่งของวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ โดยบรรดาอิมาม ผู้บริสุทธิ์ (อ.) ใช้คำว่า อินดะนา (อยู่กับเรา) อินดี (อยู่กับฉัน) ในการชี้ให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของสิ่งเหล่านี้:

วะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์

คำอธิบาย

ดาบของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) [4] ในริวายะฮ์จากอิมามศอดิก (อ.) หลังจากเปรียบเทียบดาบของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กับโลงศพของวงศ์วานบะนีอิสรออีล : หากดาบของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) อยู่กับเรา แต่ละคน อิมามะฮ์ก็จะไปยังเขา [5] ตามรายงานบางริวายะฮ์ ดาบเล่มนี้ก็คือ ซุลฟิกอร [6]‎ อัลญัฟร์[7]เป็นหนังสือที่กล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคต จนถึงวันแห่งการพิพากษา[8]‎ อัลญามิอะฮ์ เป็นหนังสือที่เขียนโดยท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) และเขียนด้วยลายมือของอิมามอะลี (อ.) และมีการกล่าวถึงหลักการปฏิบัติทั้งหมดของฮาลาลและฮะรอมอยู่ในนั้น (9)‎ หนังสือของอะลี (อ.) [10] บางคน ถือว่า อัลญามิอะฮ์ และหนังสือของอะลี เป็นหนังสือเล่มเดียวกัน โดยมีสองชื่อ ‎‎[11] แต่ ออกอบุซุรก์อ เตห์รอนี ตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า เป็นอะมาลี (หนังสือที่ได้รับการรับรอง)ของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์และถือว่า หนังสือนี้มีความแตกต่างจากอัลญัฟร์และอัลญามิอะฮ์ (12]‎ มุศฮัฟฟาฏิมะฮ์ (ซ.) เป็นหนังสือที่ทูตสวรรค์ได้เปิดเผยแก่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) และอิมามอะลี (อ.) เป็นผู้เขียน ‎‎[13]‎ ศอฮีฟะตุลฟะรออิฎ เป็นหนังสือเกี่ยวกับมรดก ด้วยลายมือของอิมามอะลี (อ.) [14]‎ แหวนของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) [15]‎ ชุดเกราะของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) (16) ในริวายะฮ์ทั้งหลายบ่งบอกว่า หนึ่งในสัญลักษณ์ของอิมาม คือ มีชุดเกราะของท่านศาสดาที่เหมาะสมกับเขา(17)‎ อัลญัฟรุลอะฮ์มัร ซึ่งเป็นที่เก็บของอาวุธของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)‎ อัลญัฟรุลอับยัฎ ซึ่งเป็นที่เก็บของคัมภีร์โตราห์ ไบเบิลและซะบูร อีกทั้งคัมภีร์จากฟากฟ้าอื่นๆ (19)‎ ดีวานอัชชีอะฮ์ ในหนังสือนี้มีการกล่าวชื่อของชาวชีอะฮ์ และในฮะดีษบางบทเรียกว่า อัลนามูซ (20]‎ มรดกอื่นๆ ของบรรดาศาสดา เช่น แผ่นจารึก กระทะ โลง ไม้เท้าของโมเสส และแหวนของศาสดาสุลัยมาน [21]‎

การแสดงเหตุผลของบรรดาอิมามด้วยวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์

บรรดาอิมามของชีอะฮ์ ได้ใช้วะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ เป็นหลักฐานในการเผชิญหน้ากับคำกล่าวของผู้ที่อ้างตนว่า เป็นอิมามหรือในการจัดการกับข้อสงสัยของชาวชีอะฮ์ ตัวอย่างเช่น อิมามอะลี (อ.)กล่าวในสภาที่มีหกคนว่า ฉันขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า ในหมู่พวกท่านทั้งหลายมีหรือไม่ ผู้ที่มีอาวุธ ธงและแหวนของศาสนทูตของอัลลอฮ์ (22]‎

อิมามศอดิก (อ.) ซึ่งในอีกด้านหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับขบวนการฮาซะนี ที่เผยแพร่ลัทธิมะห์ดีของมุฮัมมัด บิน อับดุลลอฮ์ [23] และในทางกลับกัน เขากำลังเผชิญหน้ากับขบวนการทั้งสองของกิซานียะฮ์และซัยดียะฮ์ โดยได้ใช้อาวุธของท่านศาสดา เป็นเครื่องมือในการใช้เหตุผลต่อต้านพวกเขา [24] มีรายงานว่า อิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า บางคนคิดว่า ดาบของศาสนทูตของพระเจ้าอยู่กับอับดุลลอฮ์ บิน ฮะซัน เขาตอบ:‎ ฉันขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า อับดุลลอฮ์ บิน ฮะซัน ไม่เคยเห็นมันมาก่อน ดาบและธงของศาสนทูตของอัลลอฮ์ ‎อยู่กับฉัน อาวุธของผู้ศาสนทูตของพระองค์ เปรียบเสมือนโลงศพที่มีอยู่ในหมู่บนีอิสราเอล เมื่อใดก็ตามที่พบโลงศพ ศาสนทูตก็อยู่ที่นั่น ใครก็ตามที่มีอาวุธของศาสนทูตของพระเจ้า เขาก็คืออิมาม (25)‎

การส่งต่อวะดาอิอ์จากอิมามคนหนึ่งไปยังอิมามคนถัดไป

ริวายะฮ์ทั้งหลายของชีอะฮ์ รายงานว่า อิมามได้รับการสืบทอดวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ จากอิมามแต่ละคนไปยังอิมามคนอื่น ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม มีรายงานจากอิมามศอดิก (อ.) ว่า หนังสือเหล่านั้นอยู่กับท่านอะลี (อ.) เมื่อเขาเดินทางไปยังอิรัก เขาให้หนังสือเหล่านั้นแก่ท่านหญิงอุมมุซะละมะฮ์ ภายหลังจากเขา หนังสือเหล่านั้นก็อยู่กับฮะซัน (อ.) และภายหลังจากเขา หนังสือเหล่านั้นก็อยู่กับฮุเซน (อ.) และภายหลังจากเขา หนังสือเหล่านั้นก็อยู่กับอะลี บิน ฮุเซน (อ.) และหลังจากเขา หนังสือเหล่านั้นก็อยู่กับบิดาของฉัน[26]‎

มีรายงานว่า เมื่ออิมามฮุเซน (อ.)เดินทางไปยังอิรัก เขาได้มอบหนังสือและคำสั่งเสียให้กับท่านหญิงอุมมุซะละมะฮ์ ‎ภรรยาของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เมื่ออะลี อิบนุ ฮุเซน (อ.) กลับมา ท่านหญิงอุมมุซะละมะฮ์ได้มอบสิ่งเหล่านั้นแก่เขา[27]‎

มีรายงานจากอิมามบากิร (อ.) ด้วยว่า เมื่อเวลาการเสียชีวิตของอะลี บิน ฮุเซน (อ.) เข้ามาถึง เขาได้นำกล่องใบหนึ่งมาและพูดกับฉันว่า “โอ้มุฮัมมัด จงรับกล่องนี้ไปเถิด” ในกล่องนี้ มีดาบของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์และหนังสือของเขา‏[28]‏

สถานที่การเก็บรักษาของวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ในยุคสมัยของการเร้นกาย

อัลลามะฮ์ มัจญ์ลิซี รายงานว่า วะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ ในช่วงยุคสมัยของการเร้นกายระยะสั้น (ฆ็อยบะฮ์ ศุฆรอ) อยู่ในการดูแลของบรรดานาอิบอันจำเพาะของอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ซึ่งรายงานว่า เมื่อตัวแทนคนที่สอง มุฮัมมัด บิน อุษมาน เสียชีวิต คนรับใช้ของเขาได้มอบหีบที่บรรจุวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ให้กับตัวแทนคนที่สาม ฮุเซน บินรูฮ์ นูบัคตี ‎‎(29)‎

ตามคำกล่าวของออกอบุซุรก์ เตห์รอนี ระบุว่า ตามพื้นฐานของริวายะฮ์ทั้งหลายของชีอะฮ์ รายงานว่า ปัจจุบันนี้ วะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์นั้นอยู่กับอิมามคนที่สิบสอง (30)‎

เชิงอรรถ

บรรณานุกรม