วะดาอิอ์ อัลอิมามะฮ์
วะดาอิอ์ อัลอิมามะฮ์ (ภาษาอาหรับ: ودائع الإمامة) หมายถึง ทรัพย์สินของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) อิมามอะลี (อ.) และท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) อยู่ในการครอบครองของบรรดาอิมามของชีอะฮ์ และถือเป็นหลักเกณฑ์สำหรับการรู้จักอิมาม ดาบและแหวนของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ไม้เท้าของศาสดามูซา แหวนของศาสดาสุลัยมาน และหนังสือมุศฮัฟของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) ญัฟร์และญามิอะฮ์
บรรดาอิมามของชีอะฮ์ เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับเหล่าผู้แอบอ้างในการเป็นอิมามะฮ์ ได้ยกหลักฐานจากวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ เป็นการยืนยันและการขจัดข้อสงสัยของชาวชีอะฮ์ในการรู้จักอิมาม
ความหมายและสถานภาพ
ความหมายของวะดาอิอ์ คือ ทรัพย์สินที่พิเศษต่างๆ เช่น ดาบ แหวน และหนังสือต่างๆ ซึ่งอิมามคนหนึ่งได้มอบให้แก่อิมามอีกคนหนึ่ง และถือเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นอิมามะฮ์ของเขา อีกด้วย นอกเหนือจากคำสั่งเสียของอิมามคนก่อนแล้ว ยังถือเป็นหลักเกณฑ์ที่สำคัญสำหรับการกำหนดอิมามคนต่อไปอีกด้วย (1) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการพิสูจน์สถานภาพของอิมามัต โดยผ่านคำสั่งเสียในสภาพของการตะกียะฮ์ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (2.) ด้วยเหตุนี้เอง วะดาอิอ์ อัลอิมามะฮ์ จึงถือเป็นการเน้นย้ำเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยในการกำหนดตัวตนของอิมามอีกต่อไป (3)
ตัวอย่างต่างๆ
ในริวายะฮ์ต่างๆที่รายงานจากแหล่งอ้างอิงของชีอะฮ์ มีหลายกรณีที่เป็นส่วนหนึ่งของวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ โดยบรรดาอิมาม ผู้บริสุทธิ์ (อ.) ใช้คำว่า อินดะนา (อยู่กับเรา) อินดี (อยู่กับฉัน) ในการชี้ให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของสิ่งเหล่านี้:
วะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์
คำอธิบาย
ดาบของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) [4] ในริวายะฮ์จากอิมามศอดิก (อ.) หลังจากเปรียบเทียบดาบของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กับโลงศพของวงศ์วานบะนีอิสรออีล : หากดาบของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) อยู่กับเรา แต่ละคน อิมามะฮ์ก็จะไปยังเขา [5] ตามรายงานบางริวายะฮ์ ดาบเล่มนี้ก็คือ ซุลฟิกอร [6] อัลญัฟร์[7]เป็นหนังสือที่กล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคต จนถึงวันแห่งการพิพากษา[8] อัลญามิอะฮ์ เป็นหนังสือที่เขียนโดยท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) และเขียนด้วยลายมือของอิมามอะลี (อ.) และมีการกล่าวถึงหลักการปฏิบัติทั้งหมดของฮาลาลและฮะรอมอยู่ในนั้น (9) หนังสือของอะลี (อ.) [10] บางคน ถือว่า อัลญามิอะฮ์ และหนังสือของอะลี เป็นหนังสือเล่มเดียวกัน โดยมีสองชื่อ [11] แต่ ออกอบุซุรก์อ เตห์รอนี ตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า เป็นอะมาลี (หนังสือที่ได้รับการรับรอง)ของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์และถือว่า หนังสือนี้มีความแตกต่างจากอัลญัฟร์และอัลญามิอะฮ์ (12] มุศฮัฟฟาฏิมะฮ์ (ซ.) เป็นหนังสือที่ทูตสวรรค์ได้เปิดเผยแก่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) และอิมามอะลี (อ.) เป็นผู้เขียน [13] ศอฮีฟะตุลฟะรออิฎ เป็นหนังสือเกี่ยวกับมรดก ด้วยลายมือของอิมามอะลี (อ.) [14] แหวนของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) [15] ชุดเกราะของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) (16) ในริวายะฮ์ทั้งหลายบ่งบอกว่า หนึ่งในสัญลักษณ์ของอิมาม คือ มีชุดเกราะของท่านศาสดาที่เหมาะสมกับเขา(17) อัลญัฟรุลอะฮ์มัร ซึ่งเป็นที่เก็บของอาวุธของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) อัลญัฟรุลอับยัฎ ซึ่งเป็นที่เก็บของคัมภีร์โตราห์ ไบเบิลและซะบูร อีกทั้งคัมภีร์จากฟากฟ้าอื่นๆ (19) ดีวานอัชชีอะฮ์ ในหนังสือนี้มีการกล่าวชื่อของชาวชีอะฮ์ และในฮะดีษบางบทเรียกว่า อัลนามูซ (20] มรดกอื่นๆ ของบรรดาศาสดา เช่น แผ่นจารึก กระทะ โลง ไม้เท้าของโมเสส และแหวนของศาสดาสุลัยมาน [21]
การแสดงเหตุผลของบรรดาอิมามด้วยวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์
บรรดาอิมามของชีอะฮ์ ได้ใช้วะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ เป็นหลักฐานในการเผชิญหน้ากับคำกล่าวของผู้ที่อ้างตนว่า เป็นอิมามหรือในการจัดการกับข้อสงสัยของชาวชีอะฮ์ ตัวอย่างเช่น อิมามอะลี (อ.)กล่าวในสภาที่มีหกคนว่า ฉันขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า ในหมู่พวกท่านทั้งหลายมีหรือไม่ ผู้ที่มีอาวุธ ธงและแหวนของศาสนทูตของอัลลอฮ์ (22]
อิมามศอดิก (อ.) ซึ่งในอีกด้านหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับขบวนการฮาซะนี ที่เผยแพร่ลัทธิมะห์ดีของมุฮัมมัด บิน อับดุลลอฮ์ [23] และในทางกลับกัน เขากำลังเผชิญหน้ากับขบวนการทั้งสองของกิซานียะฮ์และซัยดียะฮ์ โดยได้ใช้อาวุธของท่านศาสดา เป็นเครื่องมือในการใช้เหตุผลต่อต้านพวกเขา [24] มีรายงานว่า อิมามศอดิก (อ.) กล่าวว่า บางคนคิดว่า ดาบของศาสนทูตของพระเจ้าอยู่กับอับดุลลอฮ์ บิน ฮะซัน เขาตอบ: ฉันขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า อับดุลลอฮ์ บิน ฮะซัน ไม่เคยเห็นมันมาก่อน ดาบและธงของศาสนทูตของอัลลอฮ์ อยู่กับฉัน อาวุธของผู้ศาสนทูตของพระองค์ เปรียบเสมือนโลงศพที่มีอยู่ในหมู่บนีอิสราเอล เมื่อใดก็ตามที่พบโลงศพ ศาสนทูตก็อยู่ที่นั่น ใครก็ตามที่มีอาวุธของศาสนทูตของพระเจ้า เขาก็คืออิมาม (25)
การส่งต่อวะดาอิอ์จากอิมามคนหนึ่งไปยังอิมามคนถัดไป
ริวายะฮ์ทั้งหลายของชีอะฮ์ รายงานว่า อิมามได้รับการสืบทอดวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ จากอิมามแต่ละคนไปยังอิมามคนอื่น ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม มีรายงานจากอิมามศอดิก (อ.) ว่า หนังสือเหล่านั้นอยู่กับท่านอะลี (อ.) เมื่อเขาเดินทางไปยังอิรัก เขาให้หนังสือเหล่านั้นแก่ท่านหญิงอุมมุซะละมะฮ์ ภายหลังจากเขา หนังสือเหล่านั้นก็อยู่กับฮะซัน (อ.) และภายหลังจากเขา หนังสือเหล่านั้นก็อยู่กับฮุเซน (อ.) และภายหลังจากเขา หนังสือเหล่านั้นก็อยู่กับอะลี บิน ฮุเซน (อ.) และหลังจากเขา หนังสือเหล่านั้นก็อยู่กับบิดาของฉัน[26]
มีรายงานว่า เมื่ออิมามฮุเซน (อ.)เดินทางไปยังอิรัก เขาได้มอบหนังสือและคำสั่งเสียให้กับท่านหญิงอุมมุซะละมะฮ์ ภรรยาของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เมื่ออะลี อิบนุ ฮุเซน (อ.) กลับมา ท่านหญิงอุมมุซะละมะฮ์ได้มอบสิ่งเหล่านั้นแก่เขา[27]
มีรายงานจากอิมามบากิร (อ.) ด้วยว่า เมื่อเวลาการเสียชีวิตของอะลี บิน ฮุเซน (อ.) เข้ามาถึง เขาได้นำกล่องใบหนึ่งมาและพูดกับฉันว่า “โอ้มุฮัมมัด จงรับกล่องนี้ไปเถิด” ในกล่องนี้ มีดาบของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์และหนังสือของเขา[28]
สถานที่การเก็บรักษาของวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ในยุคสมัยของการเร้นกาย
อัลลามะฮ์ มัจญ์ลิซี รายงานว่า วะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ ในช่วงยุคสมัยของการเร้นกายระยะสั้น (ฆ็อยบะฮ์ ศุฆรอ) อยู่ในการดูแลของบรรดานาอิบอันจำเพาะของอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ซึ่งรายงานว่า เมื่อตัวแทนคนที่สอง มุฮัมมัด บิน อุษมาน เสียชีวิต คนรับใช้ของเขาได้มอบหีบที่บรรจุวะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์ให้กับตัวแทนคนที่สาม ฮุเซน บินรูฮ์ นูบัคตี (29)
ตามคำกล่าวของออกอบุซุรก์ เตห์รอนี ระบุว่า ตามพื้นฐานของริวายะฮ์ทั้งหลายของชีอะฮ์ รายงานว่า ปัจจุบันนี้ วะดาอิอ์อัลอิมามะฮ์นั้นอยู่กับอิมามคนที่สิบสอง (30)