ขบวนการอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน
ขบวนการอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน(ภาษาอาหรับ : أنصار اللّه اليمنية ) หรือกลุ่มอัลฮูษีย์ (الحوثيون) เป็นขบวนการทางการเมือง-ศาสนาของสำนักคิดซัยดียะฮ์แห่งเยเมน ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในปี ๑๙๙๐ ค.ศ. และกลุ่มนี้ได้เข้าควบคุมเมืองหลวงและบางส่วนของประเทศนี้
กลุ่มอันศอรุลลอฮ์ ถือว่า พวกเขาได้รับอิทธิพลมาจากการปฏิวัติอิสลามของอิหร่านและแนวความคิดของอิมามโคมัยนี การจัดตั้งรัฐบาลของกลุ่มอัลฮูษีย์ จึงถือเป็นการขยายของรัฐบาลอิมามียะฮ์ซัยดียะฮ์ ในเยเมน ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ ๓ แห่งฮิจเราะฮ์ศักราช และมีการดำเนินต่อไป เป็นระยะเวลากว่าพันหนึ่งร้อยปี
การเผชิญหน้าของขบวนการนี้กับสหรัฐอเมริกาและการเป็นพันธมิตรของรัฐบาลเยเมนกับสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดการปะทะกัน ระหว่างกลุ่มอันศอรุลลอฮ์กับรัฐบาลเยเมน
ขบวนการนี้ได้สูญเสีย ฮุเซน อัลฮูษีย์ ผู้ก่อตั้งขบวนการของตน ในการปะทะครั้งแรกกับรัฐบาลเยเมน ด้วยการเริ่มต้นในการตื่นตัวของอิสลาม กลุ่มอัลฮูษีย์ได้เข้าควบคุมเมืองซานา เมืองหลวงของเยเมน ซาอุดีอาระเบียได้พุ่งเป้าหมายโจมตีไปยังขบวนการนี้ ภายใต้หน้ากากของกลุ่มพันธมิตรชาติอาหรับ เพื่อเข้ายึดพื้นที่ที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มอันศอรุลลอฮ์กลับคืนมา ซึ่งพวกเหล่านี้ ก็ได้พบกับความล้มเหลว เนื่องจากการยืนหยัดต่อสู้ของขบวนการนี้
กลุ่มอันศอรุลลอฮ์ เพื่อแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ต่อการโจมตีฉนวนกาซาโดยอิสราเอลและการสังหารพลเรือนชาวปาเลสไตน์ จึงได้พุ่งเป้าหมายโจมตีไปยังแผ่นดินปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง และเช่นเดียวกัน เรือสำเภาที่อิสราเอลเป็นเจ้าของในท้องทะเลแดงและอ่าวเอเดน
ขบวนการเคลื่อนไหวนี้ ได้ถูกจัดให้อยู่ในรายชื่อของกลุ่มก่อการร้ายในคณะมนตรีความมั่นคง ประเทศอาหรับบางประเทศ และสหรัฐอเมริกา
ลักษณะและสถานภาพ
กลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน เป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางศาสนาที่มีระบบการเมืองและความศรัทธา [๑] สำนักคิดของสมาชิกของขบวนการนี้ คือ สำนักคิดอัลญารูดียะฮ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักคิดของซัยดียะฮ์ เป็นสำนักคิดที่ใกล้เคียงที่สุดกับสำนักคิดชีอะฮ์อิมามสิบสอง [๒] ขบวนการเคลื่อนไหวนี้ ถือว่า ได้ดำเนินตามระบอบการปกครองของอิมามียะฮ์แห่งเยเมน ซึ่งก่อตั้งโดยยะห์ยา บิน ฮุเซน ถูกเรียกกันว่า อัลฮาดี อิลัลฮัก (เสียชีวิต: ๒๙๘ ฮ.ศ.) ในเยเมนและดำเนินต่อไปมากกว่า ๑,๑๐๐ ปี [๓]
แกนหลักของขบวนการเคลื่อนไหวนี้ คือ กลุ่มวัฒนธรรมที่เรียกว่า อันญุมัน ชะบาบุลมุอ์มิน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ๑๙๙๐ ค.ศ. [๔] หลังจากการเป็นผู้นำของกลุ่มนี้ โดยฮุเซน บัดรุดดีน อัลฮูษีย์ ได้การเปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่ม ชะบาบุลมุอ์มิน เริ่มมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง [๕] การเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมของกลุ่มนี้ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นในระหว่างปี ๑๙๙๒ ถึง ๒๐๐๔ และเริ่มมีการเคลื่อนไหวทางทหาร (๖) รัฐบาลในขณะนั้นไม่ได้ความสนใจต่อ พื้นที่อาศัยของกลุ่มอัลฮูษีย์ การแทรกซึมของลัทธิซะละฟีและวะฮ์ฮาบี และการเผยแพร่ความคิดของพวกเหล่านี้ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อกลุ่มอัลฮูษีย์ เป็นสาเหตุของการก่อตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมา [๗] มีการประกาศจำนวนประชากรของกลุ่มอัลฮูษีย์ 40% ของประชากรเยเมน [๘] ชื่อ อัลฮูษีย์ มีไว้สำหรับขบวนการนี้และผู้นำของกลุ่มนี้ได้ใช้เรียกกัน ซึ่งชื่อนี้ได้รับมาจากชื่อเมืองแห่งหนึ่ง คือ ฮูษ ทางตอนใต้ของเมืองเศาะอ์ดะฮ์ (๙)
โครงสร้างขององค์กร
วิธีการปกครองของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน ได้รับมาจากวิธีการของสำนักคิดซัยดียะฮ์แบบดั้งเดิม การปกครองแบบราชวงศ์ และบางส่วนของหน่วยงานภาครัฐของระบบสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ก็ถือว่าอยู่ในรูปแบบของสาธารณรัฐ (๑๐) กลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน ประกอบด้วย สามองค์กรบริหาร ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของผู้นำของขบวนการนี้ :
๑.สภาฝ่ายการเมือง : องค์กรบริหารที่จัดการความสัมพันธ์ของขบวนการกับกลุ่มต่างๆทางการเมืองและพรรคการเมือง คณะผู้แทนทางการทูต และองค์กรระดับภูมิภาค และมีการจัดเตรียมและนำเสนอรายงาน การศึกษา และการวิเคราะห์ทางการเมือง
๒.สภาฝ่ายบริหาร: ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบุคคล เช่น กระทรวงวัฒนธรรมและการศึกษา สำนักงานฝ่ายสังคม องค์กรสื่อ กิจการสตรี และผู้ว่าการจังหวัด
๓.องค์กรการทำงานของรัฐบาล: การกำกับดูแลคณะกรรมการของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์ในองค์กรบริหารและการกำหนดกฏหมาย ถือเป็นภารกิจอีกประการหนึ่งขององค์กรนี้ (๑๑)
ความสัมพันธ์กับอิหร่าน
ขบวนการอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน ได้รับการพิจารณาว่า ได้รับอิทธิพลมาจากอิมามโคมัยนี และการปฏิวัติอิสลามของเขา ซึ่ง ฮุเซน อัลฮูษีย์ ถือว่า เป็นแบบอย่างแก่ประชาชนเยเมน [๑๒] การเผชิญหน้าของขบวนการนี้กับอเมริกาและอิสราเอล ถือว่า ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน [๑๓] อิหร่าน ถือว่า เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินและการทหารของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน [๑๔] กล่าวกันได้ว่า ในระหว่างที่ บัดรุดดีน อัลฮูษีย์ พำนักอยู่ในอิหร่าน บรรดาเยาวชนชาวเยเมนในอิหร่านได้รับการฝึกอบรมทางทหาร ความมั่นคง และความศรัทธา (๑๕) ฝ่ายตรงข้ามของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน ถือว่า ขบวนการเคลื่อนไหวนี้ เป็นส่วนสำคัญของอิหร่านในเยเมน (๑๖)
การคว่ำบาตรระหว่างประเทศและในระดับภูมิภาค
สมาชิกจำนวนหนึ่งของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน รวมถึง อับดุลมะลิก อัลฮูษีย์ ได้ถูกจัดรวมอยู่ในรายชื่อการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในปี ๒๐๑๔ ค.ศ. และหลังจากนั้น ในปี ๒๐๒๒ ค.ศ. คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ออกประกาศคว่ำบาตรทางยุทโธปกรณ์ของขบวนการอันศอรุลลอฮ์ [๑๗] ในปีเดียวกันนั้น เหล่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของรัฐบาลชาติอาหรับได้ประกาศให้ขบวนการเคลื่อนไหวนี้อยู่ในรายชื่อขององค์กรก่อการร้าย ขณะที่หลายประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ก็ได้ประกาศให้ขบวนการเคลื่อนไหวนี้ เป็นองค์กรก่อการร้าย (๑๘)
บรรดาผู้นำของขบวนการ
ฮุเซน อัลฮูษีย์ ผู้นำคนแรกของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์ นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของขบวนการ จนถึงการจัดตั้งรัฐบาล ขบวนการอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน มีผู้นำหลายคนมาแล้ว ซึ่งบางส่วนจะขอกล่าวถึง :
ฮุเซน อัลฮูษีย์
ฮุเซน อัลฮูษีย์ บุตรชายของ บัดรุดดีน อัลฮูษีย์ [๑๙] เป็นผู้ก่อตั้งและผู้นำคนแรกของขบวนการอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน [๒๐] ฮุเซน อัลฮูษีย์ เสียชีวิตในสงครามครั้งแรกระหว่าง กลุ่มอัลฮูษีย์ กับ รัฐบาลเยเมน ในปี ๒๐๐๔ ค.ศ. [๒๑] ความคิดของเขา ได้ก่อให้เป็นกรอบของความศรัทธาของขบวนการอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน (๒๒)
บัดรุดดีน อัลฮูษีย์
บัดรุดดีน อัลฮูษีย์ เป็นผู้นำสูงสุดของสำนักคิดซัยดียะฮ์ เขาถือเป็นบิดาทางจิตวิญญาณของขบวนการอันศอรุลลอฮ์ [๒๓] เขาพร้อมด้วยบรรดานักวิชาการซัยดียะฮ์แห่งเยเมน ได้ต่อสู้กับอิทธิพลของแนวคิดวะฮ์ฮาบีในเยเมน [๒๔] บัดรุดดีน ถือเป็นผู้สนับสนุนการปฏิวัติอิสลามของอิหร่านและได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของอิมามโคมัยนี เนื่องจากแรงกดดันและการคุกคามของลัทธิวะฮ์ฮาบี เขาจึงเดินทางจากเยเมนไปยังประเทศอิหร่านและอาศัยอยู่ในเมืองกุม ระยะเวลาหนึ่ง การปรากฏตัวครั้งนี้ของเขา เป็นการแนะนำให้เขารู้จักกับชีอะฮ์และการปฏิวัติอิสลามมากยิ่งขึ้น (๒๕)
อับดุลมะลิก อัลฮูษีย์
อับดุลมะลิก อัลฮูษีย์ ผู้นำคนที่สามของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน หลังจากฮุเซน พี่ชายของเขา และ บัดรุดดีน บิดาของเขา จนได้รับตำแหน่งนี้ (๒๖) ตามรายงานต่างๆ ระบุว่า เขาได้รับการเลือกจาก บัดรุดดีน บิดาของเขา ให้ดำรงตำแหน่งนี้ (๒๗)บางคนถือว่า การเริ่มต้นในการเป็นผู้นำของขบวนการอันศอรุลลอฮ์ในปี ๒๐๑๐ (ปีที่บัดรุดดีน อัลฮูษีย์ เสียชีวิต [๒๘] และจำนวนหนึ่งถือว่า ในปี ๒๐๐๔ (ปีที่ฮุเซน อัลฮูษีย์ถูกสังหาร) [๒๙] และบางส่วนเชื่อว่า ในปี ๒๐๐๖ [๓๐]
การได้รับชัยชนะเหนือรัฐบาลเยเมน [๓๑] ความพ่ายแพ้ของการโจมตีของพันธมิตรชาติอาหรับต่อเยเมน ที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย [๓๒] การโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์ต่ออิสราเอลและเรือของอิสราเอล ในทะเลแดงและอ่าวเอเดน [๓๓] และการปะทะกันกับอเมริกาและอังกฤษในสองทะเลนี้ เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญระหว่างการเป็นผู้นำของอับดุลมะลิก อัลฮูษีย์ [๓๔]
การปะทะกันระหว่างกลุ่มอัลฮูษีย์กับรัฐบาลเยเมน
กลุ่มอัลฮูษีย์ ถือว่า รัฐบาลเยเมนเป็นหุ่นเชิดของสหรัฐอเมริกา และมีการวิพากษ์วิจารณ์การมีอยู่ของการเลือกปฏิบัติ ความยากจน การพึ่งพาของรัฐบาล และการแทรกแซงของพวกต่างชาติในกิจการของเยเมน (๓๕) หลังจากเหตุการณ์วินาศกรรมเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๐๐๑ ค.ศ.และการโจมตีของสหรัฐเข้าใส่อัฟกานิสถานและอิรัก และการปรากฏของทหารสหรัฐ ในภูมิภาคและอ่าวเอเดน ทำให้ขบวนการนี้ต้องแสดงจุดยืนในการต่อต้านอเมริกา [๓๖] และสโลแกนอันโด่งดังของพวกเขา เรียกว่า ศ็อรเศาะฮ์ [บันทึกหมายเหตุ ๑] ในการต่อต้านอเมริกาและอิสราเอล [๓๗] นักค้นคว้าวิจัยบางคน ถือว่า สโลแกน ศ็อรเศาะฮ์ (การตะโกน) ต่อต้านสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้นำรัฐบาลเยเมนมองว่า พุ่งเป้าไปยังเขา และเช่นเดียวกับการขับเคลื่อนทางทหารของขบวนการนี้ได้รุนแรงเพิ่มมากขึ้น และฮุเซน อัลฮูษีย์ ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของขบวนการนี้ จึงเป็นต้นเหตุให้เกิดการปะทะกันระหว่างรัฐบาลเยเมนกับขบวนการนี้และการเกิดสงคราม [๓๘] การต่อสู้ทางทหารของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมนและรัฐบาลของประเทศนี้ ได้นำไปสู่การเกิดสงครามหลายครั้งด้วยกัน :
สงครามครั้งแรก : สงครามครั้งแรกของรัฐบาลเยเมนกับกลุ่มอัลฮูษีย์ นำไปสู่การถูกสังหารของฮุเซน อัลฮูษีย์ การถูกสังหารของทหารของรัฐบาล ๓ นายและความพยายามที่จะจับกุม ฮุเซน อัลฮูษีย์ ได้รับการประกาศว่า เป็นสาเหตุให้เกิดสงครามครั้งนี้ สงครามครั้งนี้ เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ มัรรอน ในปี ๒๐๐๔ ค.ศ. (๓๙)
สงครามครั้งที่สอง : การปฏิเสธที่จะยุติความตึงเครียด ทำให้เกิดสงครามครั้งที่สองในปี ๒๐๐๕ ค.ศ. ซึ่งใช้เวลานานถึงสองเดือน ในที่สุด รัฐบาลเยเมนก็ประกาศชัยชนะและสงครามก็สิ้นสุดลง ขอบเขตของสงครามครั้งนี้ ถือว่า มีการขยายวงกว้างกว่าสงครามครั้งแรก (๔๐)
สงครามครั้งที่สาม : ความตึงเครียดที่เหลือจากสงครามครั้งที่สอง ได้นำไปสู่สงครามครั้งที่สาม ขอบเขตของสงครามครั้งนี้ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อปลายปี ๒๐๐๕ ค.ศ. และสิ้นสุดเมื่อต้นปี ๒๐๐๖ ได้ขยายไปยังเมืองเศาะอ์ดะฮ์อีกด้วย (๔๑)
สงครามครั้งที่สี่: การย้ายถิ่นฐานของชาวยิวในจังหวัดเศาะอ์ดะฮ์ และความพยายามที่จะสถาปนารัฐบาลชีอะฮ์ในจังหวัดนี้ โดยกลุ่มอัลฮูษีย์ ถือเป็นสงครามครั้งที่สี่ ขอบเขตของสงครามครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในปี ๒๐๐๗ ค.ศ. ขยายออกไปนอกจังหวัดเศาะอ์ดะฮ์า ด้วยการไกล่เกลี่ยของรัฐบาลกาตาร์ สงครามครั้งนี้ จึงสิ้นสุดลง (๔๒)
สงครามครั้งที่ห้า : สงครามนี้เริ่มต้นในปี ๒๐๐๘ ค.ศ. และมีการปะทะกันในจังหวัดศ็อนอาและอัมรอน การประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียวโดยรัฐบาล ถือเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามครั้งนี้ (๔๓)
สงครามครั้งที่หก: กลุ่มอัลฮูษีย์ ถูกกล่าวหาว่า ลักพาตัวชาวต่างชาติ และสงครามครั้งที่หกได้เริ่มต้นขึ้นในเดือนสิงหาคม ๒๐๐๙ ค.ศ. การปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอย่างกว้างขวางของรัฐบาล และกลุ่มอัลฮูษีย์ได้เข้าไปนดินแดนซาอุดีอาระเบีย และการสังหารทหารสองนาย ถือเป็นลักษณะเด่นของสงครามครั้งนี้ การถอนตัวของกลุ่มอัลฮูษีย์ออกจากซาอุดีอาระเบียในปี ๒๐๑๐ ถือเป็นการสิ้นสุดของสงครามครั้งนี้ (๔๔)
การตื่นตัวของอิสลามและการปฏิวัติปี ๒๐๑๑ ค.ศ.
ด้วยจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติที่ตื่นตัวของอิสลามในประเทศอิสลามบางประเทศ ประชาชนชาวเยเมนได้ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อโค่นล้มรัฐบาล ขณะที่กลุ่มอัลฮูษีย์ก็ใช้โอกาสนี้ [๔๕] ผลลัพท์จากความเคลื่อนไหวเหล่านี้ ทำให้กลุ่มอัลฮูษีย์ยึดครองจังหวัดเศาะอ์ดะฮ์ในเดือนมีนาคม ๒๐๑๑ และเข้าควบคุมการบริหารจัดการจังหวัดนี้ (๔๖) กลุ่มอัลฮูษีย์ได้คัดค้านกระบวนการบรรลุข้อตกลงทางการเมืองและไม่ยอมรับการเลือกตั้งประธานาธิบดี และไม่ยอมรับประธานาธิบดีคนใหม่อย่างเป็นทางการ [๔๗] กลุ่มอัลฮูษีย์ หลังจากการเป็นพันธมิตรกับอะลี อับดุลลอฮ์ ศอลิห์ ได้ยึดเมืองศ็อนอา เมืองหลวงของเยเมนได้ในปี ๒๐๑๔ ค.ศ. และในปี ๒๐๑๗ อะลี อับดุลลอฮ์ ศอลิห์ ถูกกลุ่มอัลฮูษีย์ กล่าวหาว่า เป็นกบฏ เนื่องจากการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรซาอุดีอาระเบีย และเขาถูกสังหารในการปะทะกับกองกำลังอัลฮูษีย์ (๔๙)
การปะทะกันทางการทหารกับต่างประเทศ
กลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน ได้มีการปะทะกันทางทหารกับต่างประเทศหลายประเทศ ซึ่งจะขอกล่าวถึงเพียงบางส่วน ตามด้านล่างนี้ :
การโจมตีของซาอุดีอาระเบียและกลุ่มประเทศพันธมิตรต่อกลุ่มอันศอรุลลอฮ์
มันศูร ฮาดี ประธานาธิบดีเยเมนและ คอลิด บะฮาห์ นายกรัฐมนตรีของเขา ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว [๔๙] จากนั้น เขาก็ไปประจำการที่เมืองท่าเอเดนและจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล กลุ่มพันธมิตรของประเทศในภูมิภาค ซึ่งนำโดยซาอุดีอาระเบีย เพื่อสนับสนุนมันศูร ฮาดี ได้เปิดฉากการโจมตีทางอากาศและทางทะเลอย่างหนักต่อเยเมน เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๐๑๕ ค.ศ. ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐาน ศูนย์ทหาร และพลเรือนหลายแห่งในเยเมนถูกทำลาย (๕๐) เป้าหมายของการโจมตีเหล่านี้ เพื่อต้องการให้จังหวัดต่างๆของเยเมนออกจากการควบคุมของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์ และการยึดอาวุธของรัฐบาลกลับคืนมาจากขบวนการนี้ (๕๑)
กลุ่มอันศอรุลลอฮ์ หลังจากการโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตร ได้เข้าควบคุมพื้นที่ต่างๆ ของเยเมน เป็นอันดับแรก เพื่อต่อสู้กับอัลกออิดะฮ์และกองกำลังแนวร่วมและกลุ่มพันธมิตร หลังจากนั้น ประมาณสองเดือนผ่านไปจากการรุกรานของกลุ่มพันธมิตรซาอุดีอาระเบีย พวกเขาก็ได้ปฏิบัติการหลายครั้งในการต่อต้านซาอุดีอาระเบีย ด้วยการขยายการโจมตีของกลุ่มพันธมิตร กลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน จึงใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงเข้าใส่ซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นการตอบโต้การโจมตีและการยุติการโจมตีดังกล่าว [๕๒] กลุ่มอัลฮูษีย์ได้ กำหนดเป้าหมายหลายครั้งในพื้นที่ทางทหารและโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบียด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลและโดรน (๕๓)
การโจมตีอิสราเอลและเรือสำเภาของอิสราเอล เพื่อแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ต่อการทิ้งระเบิดในฉนวนกาซา
ขบวนการอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมนได้พุ่งเป้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ของแผ่นดินปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ด้วยขีปนาวุธและโดรน เพื่อเป็นการสนับสนุนประชาชนชาวกาซาในการเผชิญหน้ากับการโจมตีของอิสราเอล [๕๔] กลุ่มอัลฮูษีย์ ยังพุ่งเป้าไปยังเรือของอิสราเอลและเรือต่างๆที่เล่นผ่านทะเลแดงและอ่าวเอเดน ซึ่งมีจุดหมายปลายทาง คือ ท่าเรืออิสราเอล (๕๕) อเมริกาและอังกฤษได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหลายครั้งต่อกลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน ซึ่งตามรายงานของสื่อตะวันตก ระบุว่า พวกเขาไม่สามารถขัดขวางกลุ่มอัลฮูซีจากการโจมตีเหล่านี้ได้ (๕๖) การกระทำของกลุ่มอันศอรุลลอฮ์นี้ เกิดขึ้นเพื่อป็นการตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลที่มีต่อพลเรือน อาคารบ้านเรือน และสถานพยาบาลในฉนวนกาซา และการปิดล้อมเมืองนี้ [๕๗] การโจมตีของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา ภายหลังจากกลุ่มฮามาสได้ปฏิบัติการของพายุอัลอักซอ (เดือนตุลาคม ๒๐๒๓) (๕๘)