การนมาซวันอีด หรือ การนมาซวันอีดทั้งสอง (ภาษาอาหรับ : صلاة العيد) หมายถึง นมาซที่บรรดามุสลิมกระทำในวันอีดฟิฏร์และอีดอัฎฮา ทั้งการเข้าร่วมในนมาซวันอีดของชาวมุสลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนมาซวันอีดฟิฏร์นั้น ได้รับความนิยมและแพร่หลายในหมู่ชาวมุสลิมทั่วโลก
ตามคำฟัตวาของนักนิติศาสตร์ของชีอะฮ์ การนมาซนี้ เป็นวาญิบในระหว่างที่อิมาม ผู้บริสุทธิ์ปรากฏตัวและจะต้องทำในรูปแบบญะมาอะฮ์ นอกจากนี้ ยังการทำนมาซนี้ เป็นมุสตะฮับ ในช่วงยุคแห่งการเร้นกายของอิมาม แม้ว่า จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันว่า ควรกระทำในรูปแบบญะมาอะฮ์หรือกระทำเพียงคนเดียว ในหนังสือ ตารีคเฏาะบะรี เขียนว่า การนมาซวันอีดครั้งแรก จัดขึ้นในวันที่ ๑ ของเดือนเชาวาลในปีที่สองของฮิจเราะห์ศักราช อิมามริฎอ (อ.) ในช่วงแห่งการเป็นมกุฏราชกุมารของเขาในยุคสมัยเคาะลีฟะฮ์ มะอ์มูน อับบาซีย์ ได้ยอมรับคำร้องขอของเขา ที่จะทำนมาซวันอีดฟิฏร์และจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็น แต่ทว่ามะอ์มูน กลับรู้สึกเสียใจ การนมาซวันอีดอัลฟิฏร์ในปี 1357 สุริยคติอิหร่าน โดยมุฮัมมัด มูฟัตเตห์ เป็นอิมามนำ และมีการปราศรัยของมุฮัมมัด ญะวาด บาฮุนัร จนนำไปสู่การเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลปาห์ลาวี การนมาซวันอีดอัลฟิฏร์ในกรุงเตหะรานในช่วงสาธารณรัฐอิสลาม นำโดยซัยยิด อะลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดคนที่สองของสาธารณรัฐอิสลาม เป็นส่วนใหญ่
การนมาซวันอีดมี ๒ เราะกะอะฮ์ ซึ่งในเราะกะอะฮ์แรก มีการอ่านกุนูต ๕ ครั้ง และในเราะกะอะฮ์ที่สองมีการอ่านกุนูต ๔ ครั้ง การนมาซวันอีดยังมีการกล่าวคุฏบะฮ์ 2 ครั้งหลังนมาซ เวลานมาซวันอีด คือ ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงเที่ยงวัน (เวลาซุฮร์ ชัรอีย์) การนมาซวันอีดมีมารยาทและหลักอะห์กามบางประการ เช่น การนมาซใต้หลังคา จะดีกว่า และมีบทอ่านกุนูตโดยเฉพาะ
ความสำคัญและสถานภาพ
การนมาซวันอีด หมายถึง การนมาซที่บรรดามุสลิมกระทำในวันอีดฟิฏร์และอีดอัฎฮา การนมาซนี้เรียกว่า เศาะลาตุลอีดดัยน์ ในแหล่งข้อมูลทางด้านฟิกฮ์และริวายะฮ์ [๑] ตามคำกล่าวของมุฮัมมัด อิบนุ ญะรีร อัฏเฏาะบะรี นักประวัติศาสตร์แห่งศตวรรษที่ ๓ ฮ.ศ. ศาสดาของอิสลามได้นมาซวันอีดเป็นครั้งแรก ในวันแรกของเดือนเชาวาลในปีที่สองของฮิจเราะห์ศักราช [๒] การเข้าร่วมนมาซวันอีดของชาวมุสลิม โดยเฉพาะการนมาซวันอีดอัลฟิฏร์ เป็นที่นิยมและแพร่หลายอย่างมาก และจะกระทำในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสำหรับชาวมุสลิมและชีอะฮ์ [๓] ในพื้นที่ต่างๆ ของอิหร่าน การนมาซวันอีด จะกระทำกันในรูปแบบญะมาอะฮ์ โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก [๔]
ในเมืองมัชฮัด การนมาซนี้ยังจัดขึ้นทุกปี ณ ฮะร็อมอิมามริฎอ [๕] ตามรายงานระบุว่า ในยุคสมัยกอญัร การนมาซนี้ได้จัดขึ้นในมุศ็อลลา ในเมืองมัชฮัด [๖] การนมาซวันอีดมีการกระทำทั้งในเมืองนะญัฟ ณ ฮะร็อมอิมามอะลี [๗] และในเมืองกูฟะฮ์ ที่มัสญิดญามิอ์แห่งกูฟะฮ์ [๘] และในเมืองกัรบะลาอ์ จัดขึ้นในบัยนุลฮะรอมัยน์ [๙]
การขัดขวางของมะอ์มูนเพื่อไม่ให้อิมามริฎอ เป็นผู้นำนมาซวันอีด
ตามริวายะฮ์ที่รายงานในหนังสืออัลกาฟีย์ มะอ์มูน เคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ในขณะนั้น หลังจากที่แต่งตั้งอิมามริฎอ เป็นมกุฏราชกุมาร เขาได้ร้องขอให้เขาอิมามริฎอ เป็นผู้นำนมาซวันอีด และหลังจากที่มะอ์มูนยืนกราน อิมามริฎอจึงยอมรับ โดยมีเงื่อนไขว่า เขาจะต้องเป็นผู้นำนมาซตามวิธีการและซุนนะฮ์ของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) [๑๐] ขณะเดียวกัน ตามริวายะฮ์ข้างต้น ฟัฎล์ บิน ซะฮ์ล รัฐมนตรีของมะอ์มูน อับบาซีย์ เมื่อเผชิญกับการต้อนรับของประชาชน มะอ์มูนกล่าวว่า หากอะลี อิบนุ มูซา ไปถึงสถานที่นมาซวันอีด ผู้คนจะยอมรับเขา ดังนั้น มะอ์มูนจึงส่งผู้ส่งสารไปขอให้อิมามริฎอ (อ.) กลับมา [๑๑] มุรตะฎอ มุเฏาะฮ์ฮะรีย์ กล่าวว่า เหตุผลหลักที่มะอ์มูนขัดขวางไม่ให้อิมามริฎอ (อ.) เป็นผู้นำนมาซ คือ อันตรายที่เขารู้สึกจากการต้อนรับของผู้คนจากอิมามริฎอและการแสดงความรักและความเสน่หาที่มีต่อเขา เพราะทำไมอิมามริฎอ (อ.) จึงปฏิบัติตรงกันข้ามกับวิธีปฏิบัติของเคาะลีฟะฮ์แห่งอับบาซียะฮ์ และการห่างไกลจากความหรูหรา โดยไปที่มุศ็อลลาและได้รับการต้อนรับจากประชาชน [๑๒]
การนมาซวันอีดฟิฏร์ในกรุงเตหะรานในปี ๑๓๕๗ สุริยคติอิหร่าน การนมาซอีดฟิฏร์ในกรุงเตหะรานในปี ๑๓๕๗ สุริยคติอิหร่าน จัดขึ้นในวันที่ ๑๓ ชะฮ์รีวัร โดยมีมุฮัมมัด มุฟัตเตห์ เป็นผู้นำนมาซ และกล่าวปราศรัยโดยมุฮัมมัด ญะวาด บอฮุนัร หนึ่งในนักการศาสนาและฝ่ายตรงข้ามของระบอบการปกครองปาห์ลาวี บนเนินเขาไกตารีเยฮ์ [๑๓] และนำไปสู่การเดินขบวนประท้วงต่อต้านระบอบการปกครองปาห์ลาวี [๑๔] ตามรายงานของหนังสือพิมพ์อิตลาอาต มีผู้คนสามล้านคน เข้าร่วมการเดินขบวนวันอีดฟิฏร์ทั่วอิหร่าน [๑๕] กล่าวกันว่า การเดินขบวนครั้งนี้ นำไปสู่การเดินขบวนประท้วงในวันที่ ๑๗ ชะฮ์รีวัร ๑๓๕๗ และการสังหารผู้เดินขบวนโดยกองกำลังทหารของระบอบการปกครองปาห์ลาวี [๑๖]
การนมาซวันอีดโดยผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน
หลังจากที่ซัยยิด อะลี คาเมเนอี ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำสูงสุดในอิหร่าน (ตั้งแต่ 1368 สุริยคติอิหร่าน) การนมาซวันอีดฟิฏร์ในกรุงเตหะราน ได้รับการนำโดยการเป็นอิมามนำนมาซของเขา เขายังเป็นผู้นำนมาซวันศุกร์ในกรุงเตหะราน ในช่วงการเป็นผู้นำสูงสุดของอิมามโคมัยนี [๑๗] และเป็นผู้นำนมาซวันอีดฟิฏร์ ตั้งแต่ปี ๑๓๖๑ ถึง ๑๓๖๘ [๑๘] การนมาซวันอีดฟิฏร์ในกรุงเตหะรานในปี ๑๓๖๑โดยมีอักบัร ฮาเชมี ราฟซันจานี เป็นผู้นำนมาซ [๑๙]
การนมาซวันอีดฟิฏร์ในเตหะราน จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเตหะราน เป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่นับตั้งแต่ปี ๑๓๖๒ สุริยคติอิหร่าน (วันอีดฟิฏร์ ๑๔๐๓ ฮ.ศ. [๒๐] ก็ได้จัดขึ้นที่มุศ็อลลา เตหะราน การนมาซวันอีดฟิฏร์ไม่ได้จัดขึ้นที่มุศ็อลลา เป็นเวลา ๓ ปี ติดต่อกัน ตั้งแต่ปี ๑๓๙๙ ถึง ๑๔๐๑ (ปฏิทินอิหร่าน) (ตรงกับปี ๑๔๔๑ ถึง ๑๔๔๓ ฮ.ศ.) เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า [๒๑]
หลักอะห์กามและมารยาทในการนมาซวันอีด
ตามหลักนิติศาสตร์อิสลามนิกายชีอะฮ์ การนมาซวันอีด ถือเป็นวาญิบ ในช่วงเวลาการปรากฏของอิมามมะอ์ศูม [๒๒] และจะต้องนมาซเป็นญะมาอะฮ์ [๒๓] แต่ในช่วงเวลาที่อิมามมะอ์ศูมไม่อยู่ปรากฏ การนมาซวันอีด ถือเป็นมุสตะฮับ [๒๔] ขณะเดียวกัน การนมาซเป็นญะมาอะฮ์ในช่วงยุคสมัยแห่งฆ็อยบะฮ์ เป็นประเด็นที่ยังมีข้อถกเถียงกัน [๒๕] ตามคำฟัตวาของอิมามโคมัยนี หาก วะลีฟะกีฮ์ หรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากเขา เป็นอิมามนำนมาซวันอีด หรือนมาซด้วยเจตนาความหวัง (เราะญาอัน) ก็ไม่เป็นปัญหา แต่หากไม่ใช่กรณีดังกล่าว การนมาซเป็นญะมาอะฮ์ ถือเป็นอิห์ติยาฏ วาญิบ [๒๖]
การนมาซวันอีด มีสองเราะกะอะฮ์ ในแต่ละเราะกะอะฮ์ หลังจากอ่านซูเราะฮ์อัล-ฟาติฮะฮ์แล้ว ให้อ่านซูเราะฮ์อื่นเพิ่มเติม มีคำแนะนำว่า ควรอ่านซูเราะฮ์อัช-ชัมส์ในเราะกะอะฮ์แรก และซูเราะฮ์อัล-ฆอชิยะฮ์ในเราะกะอะฮ์ที่สอง หรืออ่านซูเราะฮ์อัล-อะอ์ลาในเราะกะอะฮ์แรก และซูเราะฮ์อัช-ชัมส์ในเราะกะอะฮ์ที่สอง นอกจากนี้ ในเราะกะอะฮ์แรกหลังจากอ่านซูเราะฮ์แล้ว ให้กล่าวตักบีร (อัลลอฮุอักบัร) ห้าครั้ง และกล่าวกุนูตห้าครั้ง (กล่าวกุนูตหลังจากแต่ละตักบีร) และในเราะกะอะฮ์ที่สอง ให้กล่าวตักบีรสี่ครั้งและกุนูตสี่ครั้ง ในกุนูต มีการกล่าวซิกร์หรือดุอาอ์ใดๆ ก็ได้ เช่นเดียวกับการนมาซทั่วไป แต่ควรกล่าวดุอาอ์โดยเฉพาะที่ขึ้นต้นด้วย อัลลอฮุมมะ อะฮ์ลัลกิบริยาอิ วัลอะซอมะฮ์... [๒๗]
คุฏบะฮ์
การนมาซวันอีดมีคุฏบะฮ์ ๒ ครั้ง เช่นเดียวกับการนมาซวันศุกร์ โดยมีความแตกต่างกันตรงที่คุฏบะฮ์นมาซวันอีดจะกล่าวหลังจากนมาซ [๒๘] ตามริวายะฮ์ของอิมามริฎอ (อ.) ซึ่งกล่าวในหนังสือ ญะวาฮิรุลกะลาม ด้วยเช่นกัน ความแตกต่างนี้ เกิดขึ้นจากการนมาซวันศุกร์ในทุกสัปดาห์ และหากกล่าวคุฏบะฮ์หลังนมาซ ผู้คนจะเหนื่อยและออกจากมุศ็อลลา แต่ในนมาซวันอีด ซึ่งจัดขึ้นเพียงปีละสองครั้ง ผู้คนจะอยู่จนกว่าคุฏบะฮ์จะเสร็จสิ้น [๒๙] นอกจากนี้ ยังมีการโต้เถียงกันในหมู่ฟุเกาะฮาว่า การนมาซอีดเป็นวาญิบหรือมุสตะฮับ [๓๐]
เวลาของการนมาซ
ตามคำกล่าวของผู้เขียนหนังสือ ญะวาฮิรุลกะลาม ซึ่งเป็นตำราหลักในนิติศาสตร์อิสลามนิกายชีอะฮ์ เขาได้ระบุว่า ตามความเห็นที่แพร่หลายในหมู่นักนิติศาสตร์ชีอะฮ์ เวลาของการนมาซวันอีดเริ่มต้นตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงเวลาเที่ยง (เวลาดวงอาทิตย์คล้อยไปทางทิศตะวันตก หรือเวลาเที่ยงวันตามหลักชัรอีย์) [๓๑] และหากนมาซวันอีดไม่ได้กระทำภายในเวลาที่กำหนด ก็ไม่จำเป็นต้องกอฎอ (ชดใช้) [๓๒] นอกจากนี้ ตามคำฟัตวาของอิมามโคมัยนี การนมาซวันอีดควรกระทำหลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว ซึ่งถือเป็นมุสตะฮับ [๓๓]
นอกจากนี้ ผู้เขียนหนังสือญะวาฮิร ยังได้อ้างอิงจากหนังสือ มะดาริกุลอะห์กาม ว่า บรรดานักวิชาการต่างเห็นพ้องกันว่า เป็นมุสตะฮับให้นมาซวันอีดฟิฏร์ ช้ากว่านมาซอีดอัฎฮา เพียงเล็กน้อย เนื่องจากในวันอีดฟิฏร์นั้น เป็นมุสตะฮับที่ผู้นมาซควรละศีลอด และจ่ายซะกาตฟิฏร์ก่อนนมาซวันอีด ส่วนในวันอีดอัฎฮา เป็นมุสตะฮับให้เชือดสัตว์กุรบานและรับประทานเนื้อจากสัตว์นั้นหลังจากนมาซอีด [๓๔]
มารยาท
การกล่าวซิกร์ว่า อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ วัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร วะลิลลาฮิลฮัมด์ อัลลอฮุอักบัร อะลา มา ฮะดานา) หลังจากนมาซวันอีด ถือเป็นมุสตะฮับ [๓๕]
การนมาซวันอีด ไม่มีอะซานและอิกอมะฮ์ แต่เป็นมุสตะฮับที่มุอัซซิน กล่าวว่า อัศเศาะลาฮ์) สามครั้ง ก่อนเริ่มนมาซ [๓๖]
การนมาซวันอีดใต้หลังคา เป็นสิ่งที่มักรูฮ์ [๓๗] มีรายงานว่า อิมามอะลี (อ.) ในวันอีดนั้น เขากล่าวตักบีรอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่บ้านจนถึงสถานที่นมาซนอกเมือง (เมืองกูฟะฮ์) [๓๘] นอกจากนี้ รายงานจากอับดุลลอฮ์ บิน อุมัร ได้กล่าวว่า ศาสนทูตของอัลลลอฮ์ (ศ็อลฯ) จะเดินเท้าไปนมาซวันอีดและเดินเท้ากลับ [๓๙]
รายงานจากอะบูรอฟิอ์ ได้กล่าวว่า ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) จะกลับทางอื่นที่ไม่ใช่ทางที่เขาเดินทางมา [๔๐] ผู้ที่นมาซวันอีดฟิฏร์ จำเป็นที่ต้องจ่ายซะกาตฟิฏร์ก่อนนมาซ หรือตามคำฟัตวาของบางคน ให้แยกซะกาตฟิฏร์ออกจากทรัพย์สินของตน [๔๑] เนื่องจากตามคำรายงาน (ฮะดีษ) ความหมายของคำว่า ตะซักกา และ ฟะศ็อลลา ในโองการ «قَدْ أَفْلَحَ مَن تَزَکیٰ» [๔๒] และ «وَذَکرَ اسْمَ رَبِّهِ فَصَلَّیٰ» [๔๓] หมายถึง การจ่ายซะกาตฟิฏร์และการนมาซวันอีดฟิฏร์ [๔๔]
เป็นมุสตะฮับที่ผู้นมาซ ควรอาบน้ำฆุสลฺ ก่อนนมาซวันอีด และอ่านดุอาอ์ต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในหนังสือดุอาอ์ก่อนและหลังนมาซ [๔๕]
เป็นมุสตะฮับที่ผู้นมาซควรสุญูด บนพื้นดินในระหว่างนมาซวันอีด [๔๖] และเมื่อกล่าวตักบีรควรยกมือขึ้นและกล่าวซิกรด้วยเสียงดัง [๔๗]
ในรายงานจากอิมามศอดิก (อ.) มีคำแนะนำให้สวมใส่เสื้อผ้าที่ดีที่สุดและใช้น้ำหอมที่ดีที่สุดในวันนมาซอีด [๔๘]