อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)

จาก wikishia

อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) (ภาษาอาหรับ : أهل البيت ) คือ ครอบครัวของ ศาสดาแห่งอิสลาม หมายถึง บรรดาผู้บริสุทธิ์ทั้ง 14 คน ดังที่กล่าวไว้ในหนังสือวรรณคดีและตำราวิชาการของ ชีอะฮ์ ตัวอย่างต่างๆที่เกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์ เช่น อัศฮาบุลกิซาอ์ และ บรรดาภริยาของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อล) ในแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ รายงานว่า มีความประเสริฐ คุณลักษณะพิเศษ และสิทธิสำหรับอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ตามความเชื่อของชีอะฮ์ ถือว่า อะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) มีควาบริสุทธิ์ปราศจากความผิดบาปทั้งปวง และมีความสูงส่งกว่าบรรดาอัศฮาบทั้งหมด แต่ทว่าพวกเขายังมีความสูงส่งกว่าสรรพสิ่งทั้งหมดอีกด้วย และพวกเขามีหน้าที่ วิลายัต และความเป็นผู้นำของสังคมอิสลาม และ บรรดามุสลิม จะต้องปฏิบัติตามพวกเขาในทุกคำสอนทางศาสนา และถือว่า อะฮ์ลุลบัยต์ เป็นแหล่งที่อ้างอิงของตนอีกด้วย นอกจากนี้ ตามแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ การแสดงความรักต่อบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ เป็นข้อบังคับสำหรับชาวมุสลิม และในริวายะฮ์ต่างๆรายงานว่า เป็นรากฐานและโครงสร้างของอิสลาม โองการตัฏฮีร โองการมะวัดดะฮ์ ฮะดีษ ษะกอลัยน์ ฮะดีษ ซะฟีนะฮ์ และฮะดีษ อะมาน เหล่านี้ล้วนเป็นโองการและฮะดีษที่เป็นที่รู้จักเกี่ยวกับความประเสริฐของอะฮ์ลุลบัยต์ อะฮ์ลิซซุนนะฮ์ แม้ว่าจะมีความเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับตัวอย่างของอะฮ์ลุลบัยต์ กับชีอะฮ์ก็ตาม แต่ทว่าส่วนมากของพวกเขา ถือว่า อัศฮาบุลกิซาอ์ คือ ตัวอย่างหนึ่งของอะฮ์ลุลบัยต์ และยังรายงานถึงความประเสริฐของพวกเขาอีกด้วย เช่น ความจำเป็นในการแสดงความรัก การห้ามมีความโกรธและเป็นศัตรูกับพวกเขา ความประเสริฐและความสูงส่งของอัศฮาบุลกิซาอ์ แหล่งที่อ้างอิงทางวิชาการและความบริสุทธิ์ปราศจากบาปทั้งหลาย ชาวมุสลิม ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์ เป็นภาษาต่างๆ เช่น ภาษาฟารซีย์ อาหรับ และภาษาอุรดู เช่น หนังสือเมาซูอะฮ์ ซีเราะติอะฮ์ลิลบัยต์ ผู้เขียน บากิรชะรีฟ กุรอชีย์ มีจำนวนถึง 40 เล่ม เมาซูอะตุ อะฮ์ลิลบัยต์ ผู้เขียน ซัยยิดอะลี อาชูร มี 20 เล่ม ซิมาตุฮุม วะฮุกูกุฮุม ฟีลกุรอานอัลกะรีม ผู้เขียน ญะอ์ฟัร ซุบฮานีย์ และยังมีบทกวีและงานศิลปะอย่างมากมายที่เกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์ อีกทั้งยังมีสถาบันและศูนย์วิชาการและวัฒนธรรมมากมายที่ตั้งชื่อว่า อะฮ์ลุลบัยต์

สถานภาพและความสำคัญ

กล่าวกันได้ว่า บรรดามุสลิม ทั้งหมดต่างมีความรักและความปรารถนาดีต่อบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)ของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)) เว้นแต่ กลุ่มนาศิบีย์ จำนวนหนึ่งเพียงเท่านั้น อีกทั้งพวกเขาเหล่านั้นยังยอมรับในสถานภาพอันสูงส่งทางวิชาการและการกระทำของบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) แต่ในระหว่างสำนักคิดทั้งหลายของอิสลาม ชาวชีอะฮ์ ถูกรู้จักว่าเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์ (อ. ) (1) สำนักคิดชีอะฮ์ เนื่องจากการมีความเชื่อในอะฮ์ลุลบัยต์ และปฏิบัติตามพวกเขา จึงถูกเรียกว่า เป็นสำนักคิดอะฮ์ลุลบัยต์ (2) ส่วนสำนักคิดทางนิติศาสตร์ชีอะฮ์ จึงเป็นที่รู้จักว่า สำนักคิดทางนิติศาสตร์ของอะฮ์ลุลบัยต์ (3)

ความเป็นฮุจญะฮ์(ข้อพิสูจน์)และความถูกต้องของซุนนะฮ์ของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) (กริยา คำพูด และตักรีร) เป็นที่ตกลงกันของชีอะฮ์และอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ และพวกเขาถือว่า ซุนนะฮ์ของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)เป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของการวินิจฉัยตามหลักการปฏิบัติศาสนกิจ แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาชาวชีอะฮ์นั้นมีความแตกต่างกับชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์และตามรายงานจากโองการอัลกุรอานและฮะดีษ บ่งบอกว่า ซุนนะฮ์ของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) (บรรดาอิมามและท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ ) ถือเป็นฮุจญะฮ์ ด้วยเช่นกัน และยังถือเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาและเป็นเหตุผลต่างๆสำหรับหลักการปฏิบัติศาสนกิจ (ชะรีอะฮ์) [4] บรรดาชาวชีอะฮ์ เชื่อว่า อิสลามที่นำเสนอในสำนักคิดอะฮ์ลุลบัยต์ เป็นอิสลามที่แท้จริงและสมบูรณ์และครอบคลุม [5] ในแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์และอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ มีริวายะฮ์ต่างๆมากมายที่กล่าวถึงความสูงส่ง คุณลักษณะพิเศษและสิทธิของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) [6] ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ศาสดาแห่งอิสลาม ได้สั่งให้ปกป้องและเคารพต่ออะฮ์ลุลบัยต์หลายครั้งด้วยกัน [7] ได้มีการประพันธ์หนังสือหลายเล่มและบทความต่างๆโดยบรรดาชาวมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นชีอะฮ์หรืออะฮ์ลิซซุนนะฮ์ ด้วยภาษาต่างๆ ​เช่น ภาษาเปอร์เซีย ภาษาอาหรับ และภาษาอูรดู เกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)(8) บรรดาชาวมุสลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวชีอะฮ์ แสดงให้เห็นถึงความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การไว้อาลัยในช่วงสัปดาห์ของการไว้อาลัย[9] และความสุขรื่นเริงในช่วงสัปดาห์แห่งความสุขรื่นเริงของพวกเขา[10] บทกวี[11] และผลงานทางด้านศิลปะจำนวนมากมาย เช่น การเขียนลายมือ[12] ที่เกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ในบทกวีต่างๆที่เป็นที่รู้จักเกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์ บทกวีของฟิรเดาซีย์ (ฉันเป็นคนรับใช้ของอะฮ์ลุลบัยต์แห่งนบี ผู้ได้รับการสรรเสริญเยินยอจากดินและเสาหลักของผู้สืบทอด) [13] และ ซะอ์ดีย์ (ซะอ์ดีย์ หากเจ้ามีความรักและยังเด็กหนุ่ม * ความรักของมุฮัมุมัดเพียงพอแล้วและครอบครัวของมุฮัมมัด) [14] และบทกวีของชาฟีอี จากหนึ่งในนักนิติศาสตร์ทั้งสี่ของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ คือ: โอ้อะฮ์ลุลบัยต์ของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ความรักของพวกท่าน เป็นข้อบังคับจากอัลลอฮ์ ได้ถูกประทานลงมาในอัลกุรอาน [15] บรรดาชาวมุสลิม โดยเฉพาะชาวชีอะฮ์ ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษในการตั้งชื่อลูกของพวกเขาตามชื่อของอะฮ์ลุลบัยต์[16] นอกจากนี้ บรรดาชาวมุสลิมยังได้ตั้งชื่อศูนย์การศึกษาหลายแห่ง ตามชื่อของบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ เช่น มหาวิทยาลัยต่างๆ โดยตั้งชื่อ มหาวิทยาลัย อะฮ์ลุลบัยต์ ในกรุงเตหะราน [17] หรือมหาวิทยาลัย อาลิลบัยต์ในประเทศจอร์แดน [18] สถาบันต่างๆ เช่น สมัชชาอะฮ์ลุลบัยต์สากล[19] มัสยิดหลายแห่ง [20] ก็มีการตั้งชื่อตามชื่อของอะฮ์ลุลบัยต์และยังรวมถึงการใช้ธงและจารึกทางศาสนาด้วยชื่อของอะฮ์ลุลบัยต์ อีกด้วย

ความหมาย

ตามคำกล่าวของอะลี ร็อบบานี ฆุลฟัยกานี ถือว่า ความหมายของอะฮ์ลุลบัยต์ ในแหล่งข้อมูลของชีอะฮ์ โดยปราศจากกอรีนะฮ์ หมายถึง กลุ่มญาติใกล้ชิดของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ซึ่งมีฐานภาพและความสูงส่งเป็นพิเศษ ทั้งคำพูดและพฤติกรรมของพวกเขา คือ เกณฑ์วัดของความจริงและผู้ชี้แนวทางสู่ความจริง (22]รอฆิบ อิศฟาฮานีย์ กล่าวว่า อะฮ์ลุลบัยต์ ในสภาพที่ไม่ผสมกับคำใด (มุฏลัก) หมายถึง ครอบครัวของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) และพวกเขาถูกรู้จักด้วยคำนี้ (23) ฮะซัน มุศฏอฟาวีย์ นักตัฟซีรและนักค้นคว้าด้านวิทยาการอัลกุรอาน และ มุฮัมมัด มุฮัมมะดี เรย์ชะฮ์รีย์ นักวิจัยสายฮะดีษ ถือว่า ความหมายที่แท้จริงและครอบคลุมของ อะฮ์ลุลบัยต์ หมายถึง ความใกล้ชิดและความเกี่ยวพันเชื่อมโยงระหว่างบุคคลหรือสิ่งของกับบุคคลที่ถูกเรียกว่า อะฮ์ล์ และยังมีระดับขั้นในแง่ต่างๆ ของความเข้มแข็งและความอ่อนแอ ภรรยา บุตร หลาน และบุตรเขย ล้วนถือว่าเป็นอะฮ์ล์ ทั้งสิ้น[24] นอกจากนี้ ประชาชาติของศาสดาใดก็ตาม ถือว่าเป็นครอบครัวของเขา และผู้อยู่อาศัยในบ้านหรือในเมือง ก็ถือว่าเป็นเจ้าของบ้านหรือชาวเมืองนั้น(25) อะฮ์ลุลบัยต์ทางด้านภาษาศาสตร์ หมายถึง ผู้ที่อาศัยในบ้าน (26) แน่นอนว่า ฮะซัน มุศฏอฟาวีย์ ถือว่า ความหมายของคำว่า บัยต์ หมายถึง ครอบครัว ไม่ใช่หมายถึง บ้าน[27]