ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อิบรอฮีม(ศาสดา)"
ไม่มีคำอธิบายอย่างย่อ
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัดที่ 26: | บรรทัดที่ 26: | ||
ตามรายงานจากแหล่งอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ ในปีที่ศาสดาอิบรอฮีม (อ.) ถือกำเนิด นัมรูดได้ออกคำสั่งให้สังหารทารกทุกคนที่เกิดมา เพราะว่า นักโหราศาสตร์ทำนายว่า ในปีนี้จะมีเด็กทารกคนหนึ่ง ซึ่งจะต่อต้านศาสนาของนัมรูดและเหล่าสาวกของเขาและทำลายรูปปั้น ด้วยเหตุนี้เอง มารดาของศาสดาอิบรอฮีมด้วยความหวาดกลัวต่อพวกนัมรูด จึงนำเขาไปไว้ในถ้ำใกล้บ้านของนาง และพาเขาออกจากถ้ำ หลังจากที่ผ่านไปสิบห้าเดือนในช่วงกลางคืน[16] | ตามรายงานจากแหล่งอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ ในปีที่ศาสดาอิบรอฮีม (อ.) ถือกำเนิด นัมรูดได้ออกคำสั่งให้สังหารทารกทุกคนที่เกิดมา เพราะว่า นักโหราศาสตร์ทำนายว่า ในปีนี้จะมีเด็กทารกคนหนึ่ง ซึ่งจะต่อต้านศาสนาของนัมรูดและเหล่าสาวกของเขาและทำลายรูปปั้น ด้วยเหตุนี้เอง มารดาของศาสดาอิบรอฮีมด้วยความหวาดกลัวต่อพวกนัมรูด จึงนำเขาไปไว้ในถ้ำใกล้บ้านของนาง และพาเขาออกจากถ้ำ หลังจากที่ผ่านไปสิบห้าเดือนในช่วงกลางคืน[16] | ||
'''การสมรสและบรรดาบุตร''' | |||
ภรรยาคนแรกของศาสดาอิบรอฮีม(อ.) คือ ท่านหญิงซาราห์(ซาเราะฮ์) และตามรายงานจากคัมภีร์เตารอต(โตราห์) ศาสดาอิบรอฮีมแต่งงานกับท่านหญิงในเมืองอูรของชาวเคลเดีย (17) ตามรายงานของเดห์โคดาในพจนานุกรมของเขา ระบุว่า อูร หรือ อูร์ หรือในคัมภีร์โตราห์ อูรของชาวเคลเดีย เป็นเมืองและดินแดนโบราณแห่งซูเมอร์ทางตอนใต้ของบาบิโลน เมืองนี้อยู่ทางตอนใต้ของอิรัก ใกล้สถานีรถไฟในปัจจุบัน ระหว่างเมืองอัลบัศเราะฮ์และกรุงแบกแดด และเป็นศูนย์กลางที่สำคัญทางวัฒนธรรมของสุเมเรียน และตามรายงานของคัมภีร์โตราห์ เมืองนี้เป็นบ้านเกิดของศาสดาอิบรอฮีม (อ.) ชื่อของเมืองที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในสมัยโบราณกาล ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล และหลังจากนั้นก็ถูกฝังกลบอยู่ใต้ดินและทราย และถูกลืมเลือน และถูกพบที่ตั้งของเมืองในศตวรรษที่ 19 [18] สิ่งที่ปรากฏจากคัมภีร์โตราห์ ก็คือ ท่านหญิงเป็นน้องสาวต่างมารดาของศาสดาอิบรอฮีม (19) แต่ตามรายงานจากริวายะฮ์ของชีอะฮ์ ระบุว่า ท่านหญิงซาราห์เป็นบุตรสาวของป้าของศาสดาอิบรอฮีมและเป็นน้องสาวของศาสดาลูฏ (อ.) (20) ตามที่กล่าวไว้ หนึ่งในริวายะฮ์เหล่านี้ คือ ศาสดาอิบรอฮีม อ.) แต่งงานกับท่านหญิงที่เมืองกูษา และท่านหญิงเป็นเจ้าของทรัพย์สินจำนวนมาก (ที่ดินและปศุสัตว์) ซึ่งหลังจากการแต่งงานของกับศาสดาอิบรอฮีม (อ.) ทรัพย์สินทั้งหมดได้เข้ามาอยู่ในความครอบครองของศาสดาอิบรอฮีม (อ.) และเขาได้ทำให้มากเพิ่มขึ้น ในลักษณะที่ไม่มีผู้ใดในพื้นที่อยู่อาศัยของเขา มีทรัพย์สินและความมั่งคั่งมากเท่ากับเขา [21] | |||
ศาสดาอิบรอฮีม ไม่มีบุตรจากท่านหญิงซาราห์ ด้วยเหตุนี้เอง ท่านหญิงซาราห์จึงได้ยก ฮาญัร ซึ่งเป็นสาวใช้ของนางให้เขา และศาสดาอิบรอฮีม ก็มีบุตรชายชื่อ อิสมาอีล จากท่านหญิงฮาญัร [22] และหลังจากนั้น หลายปีต่อมา ท่านหญิงฮาญัรก็ให้กำเนิดบุตรอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า อิสฮาก โดยเขาถือกำเนิดหลังจากอิสมาอีล ประมาณ 5 หรือ 13 ปี [23] ตามบางรายงาน เมื่ออิสฮากถือกำเนิด ศาสดาอิบรอฮีมมีอายุมากกว่า 100 ปี และท่านหญิงซาราห์มีอายุ 90 ปี [24] และอีกรายงานหนึ่ง ระบุว่า อิสฮาก ถือกำเนิดหลังจากอิสมาอีล 30 ปี ขณะที่ศาสดาอิบรอฮีม (อ.) มีอายุ 120 ปีในขณะนั้น[25] | |||
กล่าวว่ากันว่า หลังจากการถึงแก่กรรมของท่านหญิงซาราห์ ศาสดาอิบรอฮีม (อ.) ก็ได้แต่งงานกับผู้หญิงอีกสองคน คนหนึ่งมีบุตรชายด้วยกัน 4 คน อีกคนหนึ่งมีบุตรชายด้วยกันอีก 7 คน และจำนวนบุตรทั้งหมดของเขาจึงมีทั้งหมด 13 คน [26] มาซีย์ ซุมรอน ซัรฮัจญ์ ซะบัก จากหญิงที่ชื่อว่า ก็อนฏูรอ และนาฟิซ มัดยัน กีชาน ชะรูค อะมีม ลูฏ และยักชาน จากหญิงที่มีชื่อว่า ฮะญูนีย์ [27] | |||
== เชิงอรรถ == | == เชิงอรรถ == |